วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

udon อุด้ง

วันนี้เอาใจคนชอบเส้น ด้วยเมนูอุด้ง เนื่องจากอาหารญี่ปุ่น มีหลายเมืองหลายท้องถิ่น แต่ละที่เมนูเดียวกันแต่สูตรก็ต่างกัน และร้านอาหารญี่ปุ่นบ้านเรา มักจะโฆษณาว่ารสต้นตำรับ แต่ความจริงก็คือคุณเอาสูตรมาจากเมืองไหน และเมื่อสูตรมาถึงร้านคุณ คุณแต่งสูตรไปมากน้อยเท่าไหร่ เพราะรสแท้ๆคนไทยมักทานไม่ลงจริงๆ และสูตรที่ผมเลือกมาทำวันนี้เรียกว่า ง่าย และอร่อยถูกปากคนไทยแน่นอน
เริ่มจากการนวดเส้นกันเลยทีเดียวเพราะการที่ซื้อมาจากห้างแล้วต้มกิน มันไก่กาอาราเล่เกินไป ใครก็ทำได้
ส่วนประกอบเส้น
1.พริกไทยป่น
2.เกลือ
3.แป้งสาลี
4.น้ำเย็นจัด
เมื่อได้ครบแล้วเริ่มจาก นำเกลือและพริกไทยป่น โรยบางๆ ในกะละมังขนาดกลาง แล้วตามด้วยแป้งสาลี ลงมือนวดช้าๆ จนรู้สึกว่าแป้งร่วนและเข้ากันดีกับเครื่องปรุง ค่อยๆเติมน้ำทีละนิด แล้วนวดไปเรื่อยๆ หากยังเหลว ก็เติมน้ำทีละนิดอย่าเติมรวดเดียวเพราะจะทำให้ควบคุมความเหนียวลำบาก
หลังจากเส้นเป็นก้อน และเหนียวได้ตามที่ต้ิองการ เราก็นำออกจากกะละมังแล้วนวดต่อข้างนอก จนนุ่มสุดๆ ระหว่างการนวดก็โรยแป้งไปเรื่อยๆด้วย เมื่อได้ก้อนแป้งแล้วเราก็นำมาทำเป็นเส้น อย่างที่เราต้องการ แต่ตามรูปแบบ เส้นจะเป็นกลมรีหนาๆ หรือ สี่เหลี่ยม หนาๆ ก็ได้เช่นกัน อาจจะนำเส้นปั้นเป็นก้อนหลังเต่า แล้วใช้สังกะสี งอปลาย แล้วกรีด ไปเรี่อยๆ ให้เส้นลงหม้อไปเลยก็ได้

หลังจากที่ได้เส้นกันแล้ว ทีนีก็ถึงตาน้ำซุป
ส่วนประกอบ
1.โชยุ
2.เกลือฝรั่ง
3.พริกไทยเม็ด
4.มิริน (เหล้าหวาน)
5.ปลาหมึกสด (หั่นแว่นเล็กเท่าดินสอ)
6.น้ำมันงา
เริ่มจากการตั้งกะทะเทปร่อน ราดน้ำมันงา บางๆ  แล้วนำปลาหมึกหั่นแว่นวางในกะทะให้เป็นวงตั้งขึ้น
โรยเกลือฝรั่งไม่ต้องมากเพราะหมึก ก่อนถึงมือเรา มักจะแช่น้ำเกลือมาก่อน ตามด้วยพริกไทยเม็ด แล้วรอจนเริ่มมีกลิ่นไหม้ และไม่ต้องพลิกเด็ดขาด เมื่อได้กลิ่นแล้วก็ราดโชยุ จนทั่วกะทะ ให้น้ำโชยุ ฉ่ำชิ้นหมึก เมื่อกะทะฉ่าจนเริ่มจะหมดเสียงก็เติมน้ำเปล่าจนปริ่มขอบกะทะ รอเดือดนิดหน่อย แล้วยกกะทะไปเทใส่กรอง ทิ้งปลาหมึก แล้วนำน้ำที่กรองได้มาใส่หม้อแล้วตั้งไฟ เติมมิรินเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ได้เส้นและน้ำซุปและเส้นแล้ว เราก็นำมารวมในถ้วยเดียวกันแล้วทานเลยครับ
และที่ผมไม่พูดถึงหน้าเลยเพราะเราอยากทานหน้าอะไร เราก็ทำได้ทั้งหมดแหละครับ เช่น อุด้งกิมจิ อุด้งกุ้งเทมปุระ อุด้งหมูชาชิว อุด้งสเต็กไก่ อุด้งแกงกะหรี่หมู ก็ได้ตามสูตรแกงกะหรี่ที่ผมเคยเขียนไว้ เรียกว่าแล้วแต่ จะคิดค้นทำกินกันเลยครับ
และสูตรทำเส้นท่านก็ดัดแปลงได้เช่นกันลองทำดูครับ

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

japanfoodscancook: บ๊วยสไปรท์

japanfoodscancook: บ๊วยสไปรท์: "วันนี้ขอเสนอเมนูเครื่องดื่มบ้าง แนะนำเป็นบ๊วยสไปรท์ ก็แล้วกัน ตอนแรกที่ได้ยินชื่อเมนูยังงงครับว่ามันจะเข้ากันได้ไงแต่พอได้ชิมและดูจากปริมาณก..."

บ๊วยสไปรท์

วันนี้ขอเสนอเมนูเครื่องดื่มบ้าง แนะนำเป็นบ๊วยสไปรท์ ก็แล้วกัน ตอนแรกที่ได้ยินชื่อเมนูยังงงครับว่ามันจะเข้ากันได้ไงแต่พอได้ชิมและดูจากปริมาณการสั่งของลูกค้าต้องเรียกว่าค่อนข้างฮิตทีเดียว และทำง่ายด้วยใครจะนำไปต่อยอดให้กับร้านของตน ก็ยินดีมากๆครับ และคนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจนี้ นี่ก็อาจเป็นทางเลือกให้คุณได้
ส่วนประกอบ
1.บ๊วยแดง  2 เม็ด
2.น้ำร้อน    30 cc.
3.สไปรท์    1 กระบวย
4.โซดา      2 กระบวย
เมื่อมีครบทุกอย่างแล้ว ก็นำบ๊วยมาแช่ในน้ำร้อนแล้วใช้ไม้พายเล็กคนพลางขยี้เม็ดบ๊วยพลาง พอน้ำร้อนเริ่มมีสีเข้มเป็นอันได้ที่ นำมาใส่แก้วแล้วเติมสไปรท์ ตามด้วยโซดา แล้วเติมน้ำแข็งก้อนตบท้าย ง่ายมั้ยครับ

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

BACON ENOKI ROLL เบคอนพันเห็ดเข็มทอง



เมนูที่ 4 คราวนี้เป็นของว่างหรือจานหลักยังได้ เบคอนพันเห็ดเข็มทอง หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า เบคอนเอโนกิโรล

เตรียมของเลยดีกว่า

1.เบคอนเกรดเอ 2 เเผ่น 2.พริกไทยป่น 3.สามกษัตร 4.เห็ดเข็มทองถุงเล็ก 5.เนยเค็มออคิดส์ละลาย 6.กระแช่(สาเกแทนได้) 7.ผักกาดแก้ว 8.พลาสลีย์(วอเตอร์เกรสแทนได้) 9.มะนาว 10.ไม้เสียบลูกชิ้น 11.น้ำมันพืช

ได้เครื่องปรุงครบแล้วเริ่มจาก นำเบคอนทั้ง 2 แผ่นมาผ่าครึ่ง กางไว้กับเขียงจะได้ 4แผ่นเรียงกันห่างๆ นำเห็ดเข็มทองมาแบ่งเป็น 4 ส่วนโดยการฉีกเท่าๆกันแล้ววางไว้เป็น 4 กอง ลากราบมากับเขียง 1กองแล้งหั่นครึ่งกะให้เสมอกัน หั่นแล้วมารวมกันแล้ววางไว้ปลายเบคอนด้านไม่เรียบแล้วม้วนไปหาด้านเรียบแล้ววางไว้มุมเขียง รอจนครบ 4 ม้วนแล้วเอามือกดเบคอนไว้กับเขียงเบาๆ นำไม้เสียบลูกชิ้นมาเสียบจากส้นมือไปปลายมือ เรียบร้อยแล้วเปิดเตาหยดน้ำมันพืชปลายช้อนกาแฟ วางเบคอนที่พันแล้วหงายด้านไม่สวยขึ้น โรยสามกษัตรบางๆ ตามด้วยพริกไทยป่น ครอบด้วยฝาครอบ เอาแค่พอสีเปลี่ยนเป็นเข้มเพราะเราแค่ทำสีเท่านั้น ได้ที่แล้วเปิดฝาครอบ พลิกด้านรอครู่เดียว หยดเนย ตามด้วยกระแช่ รอควันกระแช่โหมตัวเบคอนจนหมดแล้วเอาขึ้นวางบนจานดึงไม้ออก แต่งมุมจานด้วยผักกาดแก้ววางเคียงด้วยมะนาวและพลาสลี่หรือวอเตอร์เกรส หากงบเหลือๆ จะนำมะเขือเทศราชินีมาวางเพิ่มเพื่อตัดสีก็ได้

เรียบร้อยครับง่ายไปมั้ยเมนูนี้ หากทานคู่กับข้าวผัดกระเทียมเมนูที่ 3 นี่อร่อยสุดๆต้องเบิ้ลกันเลย

เจอกันเมนูหน้าน่ะครับอยากได้เมนูอะไรบอกได้น่ะครับ

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข้าวผัดกระเทียม


มาถึงเมนูที่ 3น่ะครับคราวนี้เป็นข้าวผัดกระเทียม ซึ่งเป็นเมนูที่ร้านอาหารญี่ปุ่นจะขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว แม้แต่ร้านขายสุกี้ หรือ BBQ บางร้านยังเอามาลงเมนูกันเลย ผมเอาสูตรของร้านสีน้ำเงินซึ่งดั้งเดิมที่สุด อร่อยที่สุด ไม่แปลงสูตรแม้แต่น้อยมานำเสนอครับ
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1.ข้าวญี่ปุ่น(แนะนำเป็นข้าวเหนียวน่ะครับ ข้าวเหนียวเม็ดค่อนข้างกลม ข้าวจ้าวเม็ดรีกว่า)
2.กระเทียมใต้สับ(เม็ดใหญ่)
3.เนยเค็มละลาย
4.ชูรส
5.พริกไทยป่น
6.เกลีอฝรั่ง
7.โชยุ
8.น้ำมันพืช
9.ต้นหอมซอยละเอียด
เริ่มจากการเจียวกระเทียมกันเลย ลงน้ำมันพืชบางๆบนกะทะ (ถ้าเป็นกะทะเทปังจะดีมาก หากไม่มีเป็นกะทะแท็ปล่อนหรือกะทะที่แบนๆก็ได้ ) เกลี่ยกระเทียมไปมาจนหอมเหลือง รอจนเหลืองอ่อนแล้วกวาดน้ำมันออกจากกะทะไปเรี่อยๆพอกวาดน้ำมันหมดก็จะได้ที่พอดี ตักเกลี่ยไว้บนจานแบน วางไว้สักครู่กระเทียมจะดูกรอบและสีเข้มขึ้น ทีนี้ก็มาผัดข้าวกัน
ตักข้าวใส่ถ้วยที่เราเสิร์ฟพอดีถ้วย แล้วเคาะลงบนกะทะ ตักกระเทียมวางบนข้าวแค่ปลายตะหลิว หยดเนย(การหยดคือการเอาช้อนจมในโถเนยแล้วเอาปลายช้อนทิ้งดิ่งลงบนอาหาร เนยจะไหลมาเป็นสาย) ตามด้วยชูรส พริกไทย เกลือฝรั่ง แล้วโชยุพอสีเข้ม เมื่อทุกอย่างลงไปกองบนข้าวแล้วก็ผัดเลยสไตล์ใครสไตล์มัน เสร็จแล้วตักใส่ถ้วยเดิมเกลี่ยให้สวย โรยด้วยต้นหอมซอยแค่นี้ก็เรียบร้อยครับ
ผมพูดถึงโชยุหลายครั้งแล้ว คราวนี้บอกยี่ห้อเลยดีกว่า yamamori ครับยี่ห้อนี้แพงแต่เยี่ยมยอดที่สุด ห้ามใช้แม็กกี้น่ะเพราะมันไม่ใช่โชยุ อาจถึงกับเสียรสชาติเลยทีเดียว
จริงๆแล้วกระเทียมเจียวมีขายครับแต่แนวนั้นไม่ใช่ผมแน่นอน ทำเองหอมกว่าเยอะครับ

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

มิโซซุป




คราวนี้มาทำมิโซซุปกันครับ มิโซแปลว่าเต้าเจี้ยวครับ เลยมีเชฟบ้างร้านสีแดงๆในห้างเอาเต้าเจี้ยวไทยมาทำครับ ปรากฏว่าใบคอมเพลนบาน แต่คนโดนด่าคือผู้จัดการร้าน ครับท่านประธานด่าและ ไม่รู้เชฟมีเอี่ยวกับสโตร์มั้ย มาเรื่องของเราดีกว่า


เครื่องปรุง 1.ปลาแห้ง 2.ฮอนดาชิ(ผงชูรสญี่ปุ่น) 3.มิโซสุบาคิ 4.มิโซซากุระ 5.สาหร่ายวากาแมะ 6.เต้าหู้หลอดขาวลวก 7.เห็ดเข็มทองหั่นลวก 8.พิริกา(ต้นหอมญี่ปุ๋น)ซอย


เครื่องปรุงครบเริ่มทำเลยครับ


1.ต้มนำปลาแห้ง 2.กรองกากปลาออก 3.เติมฮอนดาชิ 4. เติมมิโซทั้ง 2 อย่างเท่าๆกัน


หลังจากนั้นเคี่ยวไฟอ่อนๆ หากทำขายหมั่นเติมนำปลาแห้งบ่อยๆน่ะครับเดี๋ยวจะเค็ม


เวลาทานเตรียมสาหร่ายวากาแมะ เต้าหู้ เห็ดเข็มทอง พิริกาไว้ก้นถ้วยครับ เวลาเสิร์ฟตักน้ำซุปราดเลย


สำคัญตรงน้ำปลาแห้งกับมิโซต้องครบน่ะครับแล้วคุณจะได้อร่อยแบบเดียวกับร้านสีน้ำเงินครับ


เคยเห็นบางร้านเอามิโซซากุระต้มน้ำเปล่า..ห่วยมากๆครับ หากทำขายรับผิดชอบความครบเครื่องให้ลูกค้าด้วยครับ


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด






ท่านที่ชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ ท่านเคยอยากลองทำเองที่บ้านมั้ยครับ ผมจะทยอยนำสูตรเมนูต่างมาลงให้ท่านได้ลองทำกัน จากประสบการณ์การเป็นกุ๊กอาหารญี่ปุ่นและคลุกคลีในวงการมาเกือบ 10 ปี



วันนี้ผมจะสอนทำข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นครับ
ส่วนผสมหมูทอด
1.หมูสันนอก 2.ไข่ไก่ 3.ปังโกะ (เกร็ดขนมปัง) 4.แป้งเอนกประสงค์(แป้งเหลือง)5.สามกษัตย์(ชูรส 1ส่วน+เกลือ 1 ส่วน+ พริกไทยป่น 1 ส่วน)
วิธีทำ
นำหมูมาทุบด้วยค้อนทุบเนื้อจนทั่ว โรยด้วยสามกษัตย์ทั้งสองด้าน แล้วชุบด้วยผงแป้งทีละข้างบางๆ
แล้วคีบด้วยตะเกียบชุบไข่ให้ทั่ว นำมาชุบปังโกะกดให้ทั่วแผ่นหมู แล้วลงทอดด้วยน้ำมันรำข้าว
ทอดพอเหลืองแล้วพักไว้
มาถึงการปรุงน้ำแกงครับ เครื่องปรุงตามนี้เลย
1.ปลาแห้ง(ขาดไม่ได้เด็ดขาด)
2.ผงกะหรี่ญี่ปุ่น
3.โชยุ
4.เกลือฝรั่ง
5.แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
6.มันฝรั่งหั่นเต๋า
7.แครอทหั่นเต๋า
8.หอมหัวใหญ่
เริ่มด้วยการต้มน้ำปลาแห้งครับ ได้ที่แล้วกรองกากปลาออก แล้วนำมาเป็นน้ำสต็อคในการต้มแกง
แล้วใส่มันกับแครอทก่อนครับสัก 5 นาทีตามด้วยผงกะหรี่แล้วเกลือฝรั่ง ต่อด้วยโชยุ พอเดือดใส่หอมใหญ่ไฟอ่อนๆตามด้วยแป้งข้าวโพดเคี่ยวจนงวดครับแค่นี้ก็ได้ข้าวแกงกะหรี่ฝีมือเราเองแล้วครับ

เครื่องปรุงไม่ระบุปริมาณควรทำไปชิมไปนะครับจะได้สูตรสำเร็จของคุณ ร้านส่วนใหญ่ใช้น้ำเปล่าแทนน้ำปลาแห้งน่ะครับผิดสูตรขอบอก ส่วนจานจัดตามแนวดั้งเดิมก็ได้ตามรูปครับ

จริงๆแล้วควรปรุงน้ำแกงก่อนช่วงเคี่ยวค่อยทอดหมูจะได้ทานร้อนๆทั้งคู่ เพี่มความอร่อยด้วยมัสตาด และหัวไชเท้าดองแดงน่ะครับ