วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข้าวผัดกระเทียม


มาถึงเมนูที่ 3น่ะครับคราวนี้เป็นข้าวผัดกระเทียม ซึ่งเป็นเมนูที่ร้านอาหารญี่ปุ่นจะขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว แม้แต่ร้านขายสุกี้ หรือ BBQ บางร้านยังเอามาลงเมนูกันเลย ผมเอาสูตรของร้านสีน้ำเงินซึ่งดั้งเดิมที่สุด อร่อยที่สุด ไม่แปลงสูตรแม้แต่น้อยมานำเสนอครับ
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1.ข้าวญี่ปุ่น(แนะนำเป็นข้าวเหนียวน่ะครับ ข้าวเหนียวเม็ดค่อนข้างกลม ข้าวจ้าวเม็ดรีกว่า)
2.กระเทียมใต้สับ(เม็ดใหญ่)
3.เนยเค็มละลาย
4.ชูรส
5.พริกไทยป่น
6.เกลีอฝรั่ง
7.โชยุ
8.น้ำมันพืช
9.ต้นหอมซอยละเอียด
เริ่มจากการเจียวกระเทียมกันเลย ลงน้ำมันพืชบางๆบนกะทะ (ถ้าเป็นกะทะเทปังจะดีมาก หากไม่มีเป็นกะทะแท็ปล่อนหรือกะทะที่แบนๆก็ได้ ) เกลี่ยกระเทียมไปมาจนหอมเหลือง รอจนเหลืองอ่อนแล้วกวาดน้ำมันออกจากกะทะไปเรี่อยๆพอกวาดน้ำมันหมดก็จะได้ที่พอดี ตักเกลี่ยไว้บนจานแบน วางไว้สักครู่กระเทียมจะดูกรอบและสีเข้มขึ้น ทีนี้ก็มาผัดข้าวกัน
ตักข้าวใส่ถ้วยที่เราเสิร์ฟพอดีถ้วย แล้วเคาะลงบนกะทะ ตักกระเทียมวางบนข้าวแค่ปลายตะหลิว หยดเนย(การหยดคือการเอาช้อนจมในโถเนยแล้วเอาปลายช้อนทิ้งดิ่งลงบนอาหาร เนยจะไหลมาเป็นสาย) ตามด้วยชูรส พริกไทย เกลือฝรั่ง แล้วโชยุพอสีเข้ม เมื่อทุกอย่างลงไปกองบนข้าวแล้วก็ผัดเลยสไตล์ใครสไตล์มัน เสร็จแล้วตักใส่ถ้วยเดิมเกลี่ยให้สวย โรยด้วยต้นหอมซอยแค่นี้ก็เรียบร้อยครับ
ผมพูดถึงโชยุหลายครั้งแล้ว คราวนี้บอกยี่ห้อเลยดีกว่า yamamori ครับยี่ห้อนี้แพงแต่เยี่ยมยอดที่สุด ห้ามใช้แม็กกี้น่ะเพราะมันไม่ใช่โชยุ อาจถึงกับเสียรสชาติเลยทีเดียว
จริงๆแล้วกระเทียมเจียวมีขายครับแต่แนวนั้นไม่ใช่ผมแน่นอน ทำเองหอมกว่าเยอะครับ

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

มิโซซุป




คราวนี้มาทำมิโซซุปกันครับ มิโซแปลว่าเต้าเจี้ยวครับ เลยมีเชฟบ้างร้านสีแดงๆในห้างเอาเต้าเจี้ยวไทยมาทำครับ ปรากฏว่าใบคอมเพลนบาน แต่คนโดนด่าคือผู้จัดการร้าน ครับท่านประธานด่าและ ไม่รู้เชฟมีเอี่ยวกับสโตร์มั้ย มาเรื่องของเราดีกว่า


เครื่องปรุง 1.ปลาแห้ง 2.ฮอนดาชิ(ผงชูรสญี่ปุ่น) 3.มิโซสุบาคิ 4.มิโซซากุระ 5.สาหร่ายวากาแมะ 6.เต้าหู้หลอดขาวลวก 7.เห็ดเข็มทองหั่นลวก 8.พิริกา(ต้นหอมญี่ปุ๋น)ซอย


เครื่องปรุงครบเริ่มทำเลยครับ


1.ต้มนำปลาแห้ง 2.กรองกากปลาออก 3.เติมฮอนดาชิ 4. เติมมิโซทั้ง 2 อย่างเท่าๆกัน


หลังจากนั้นเคี่ยวไฟอ่อนๆ หากทำขายหมั่นเติมนำปลาแห้งบ่อยๆน่ะครับเดี๋ยวจะเค็ม


เวลาทานเตรียมสาหร่ายวากาแมะ เต้าหู้ เห็ดเข็มทอง พิริกาไว้ก้นถ้วยครับ เวลาเสิร์ฟตักน้ำซุปราดเลย


สำคัญตรงน้ำปลาแห้งกับมิโซต้องครบน่ะครับแล้วคุณจะได้อร่อยแบบเดียวกับร้านสีน้ำเงินครับ


เคยเห็นบางร้านเอามิโซซากุระต้มน้ำเปล่า..ห่วยมากๆครับ หากทำขายรับผิดชอบความครบเครื่องให้ลูกค้าด้วยครับ


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด






ท่านที่ชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ ท่านเคยอยากลองทำเองที่บ้านมั้ยครับ ผมจะทยอยนำสูตรเมนูต่างมาลงให้ท่านได้ลองทำกัน จากประสบการณ์การเป็นกุ๊กอาหารญี่ปุ่นและคลุกคลีในวงการมาเกือบ 10 ปี



วันนี้ผมจะสอนทำข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นครับ
ส่วนผสมหมูทอด
1.หมูสันนอก 2.ไข่ไก่ 3.ปังโกะ (เกร็ดขนมปัง) 4.แป้งเอนกประสงค์(แป้งเหลือง)5.สามกษัตย์(ชูรส 1ส่วน+เกลือ 1 ส่วน+ พริกไทยป่น 1 ส่วน)
วิธีทำ
นำหมูมาทุบด้วยค้อนทุบเนื้อจนทั่ว โรยด้วยสามกษัตย์ทั้งสองด้าน แล้วชุบด้วยผงแป้งทีละข้างบางๆ
แล้วคีบด้วยตะเกียบชุบไข่ให้ทั่ว นำมาชุบปังโกะกดให้ทั่วแผ่นหมู แล้วลงทอดด้วยน้ำมันรำข้าว
ทอดพอเหลืองแล้วพักไว้
มาถึงการปรุงน้ำแกงครับ เครื่องปรุงตามนี้เลย
1.ปลาแห้ง(ขาดไม่ได้เด็ดขาด)
2.ผงกะหรี่ญี่ปุ่น
3.โชยุ
4.เกลือฝรั่ง
5.แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
6.มันฝรั่งหั่นเต๋า
7.แครอทหั่นเต๋า
8.หอมหัวใหญ่
เริ่มด้วยการต้มน้ำปลาแห้งครับ ได้ที่แล้วกรองกากปลาออก แล้วนำมาเป็นน้ำสต็อคในการต้มแกง
แล้วใส่มันกับแครอทก่อนครับสัก 5 นาทีตามด้วยผงกะหรี่แล้วเกลือฝรั่ง ต่อด้วยโชยุ พอเดือดใส่หอมใหญ่ไฟอ่อนๆตามด้วยแป้งข้าวโพดเคี่ยวจนงวดครับแค่นี้ก็ได้ข้าวแกงกะหรี่ฝีมือเราเองแล้วครับ

เครื่องปรุงไม่ระบุปริมาณควรทำไปชิมไปนะครับจะได้สูตรสำเร็จของคุณ ร้านส่วนใหญ่ใช้น้ำเปล่าแทนน้ำปลาแห้งน่ะครับผิดสูตรขอบอก ส่วนจานจัดตามแนวดั้งเดิมก็ได้ตามรูปครับ

จริงๆแล้วควรปรุงน้ำแกงก่อนช่วงเคี่ยวค่อยทอดหมูจะได้ทานร้อนๆทั้งคู่ เพี่มความอร่อยด้วยมัสตาด และหัวไชเท้าดองแดงน่ะครับ